รีวิวภาพยนตร์ใน Netflix เรื่อง boyhood

สารบัญ

ภาพยนตร์เรื่อง boyhood เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า ครอบครัว ผลงานการกำกับของ ริชาร์ด ลินเคลเตอร์ ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวการเติบโตสู่วัยรุ่นของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง หลังพ่อแม่หย่าร้าง พ่อแม่จึงต้องแบ่งหน้าที่กันเลี้ยงดูให้ลูกชายก้าวผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อให้ได้ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นเอลลาร์ โคลเทรน มารับบทเป็น เมสัน เด็กชายวัย 6 ขวบ ที่ต้องผ่านชีวิตมีความพลิกผันอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นเรื่องการย้ายบ้าน เรื่องทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว โรงเรียนใหม่ รักแรก อกหัก ช่วงเวลาดี ๆ และช่วงเวลาน่ากลัวต่าง ๆ

เรื่องย่อ boyhood

boyhood ประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของวงการภาพยนตร์ ผลงานล่าสุดของริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ หลังจากเสร็จสิ้นจากงานสร้างภาพยนตร์ไตรภาคสุดคลาสสิก Before Sunrise, Before Sunset และ Before Midnight ซึ่งภาพยนตร์เรื่องหลังสุดได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับภาพยนตร์อีกเรื่องที่ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางของกาลเวลา Boyhood เป็นภาพยนตร์ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ เป็นอีกหนึ่งโปรเจคท์ที่ไม่เหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ โดยใช้เวลาถ่ายทำในช่วงเวลา 12 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2002 จนถึงปี 2013 โดยที่ลิงค์เลเตอร์ พร้อมด้วยทีมงานและนักแสดงของเขาจะกลับมาเจอกันเพียงไม่กี่วันในทุกปี ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการติดตามเรื่องราวชีวิตของเด็กชายชาวออสติน เมสัน (เอลลาร์ โคลเทรน) ซาแมนธา พี่สาวของเขา (ลอเรไล ลิงค์เลเตอร์) และโอลิเวีย แม่ของพวกเขา (แพทริเซีย อาร์เควทท์) ท่ามกลางกระแสขึ้นลงของชีวิตรอบตัวพวกเขา และยังมี เมสัน ซีเนียร์ (อีธาน ฮอว์ค) พ่อของเด็ก ๆ ที่เข้า ๆ ออก ๆ ชีวิตของพวกเขาอีกด้วย

Boyhood ฉายรอบปฐมทัศน์ครั้งแรกในเทศกาลหนังซันแดนซ์เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ด้านบวกอย่างท่วมท้น และยังได้นำไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน โดยลิงค์เลเตอร์ได้รับรางวัลซิลเวอร์แบร์ในฐานะผู้กำกับยอดเยี่ยมอีกด้วย นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้คะแนนเฉลี่ยจาก 27 นักวิจารณ์ระดับท็อป ที่เว็บไซด์ Rotten Tomatoes อยู่ที่ 9.6/10 และนักวิจารณ์ชอบทั้ง 100% นับได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้คะแนนจากนักวิจารณ์เทียบเท่าภาพยนตร์คลาสสิกอย่าง The Godfather, The Wizard of Oz, The Leopard และ The Night Of The Hunter and Lawrence of Arabia เลยทีเดียว นักวิจารณ์หลายคนคาดการณ์ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปีหน้าอย่างแน่นอน จากไอเดียเล็ก ๆ ของริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ ในการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับวัยเด็ก มาสู่ประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของวงการภาพยนตร์ที่นำนักแสดงชุดเดียวกันมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดียว โดยใช้เวลาถ่ายทำถึง 12 ปี เพื่อการติดตามการเติบโตของเด็กชายคนหนึ่ง Boyhood จะทำให้คุณได้สัมผัสความสุข เศร้า และซึ้ง ตลอดความยาวของภาพยนตร์เกือบ 3 ชั่วโมง และยังได้คิดถึงประสบการณ์เก่า ๆ ไปกับพัฒนาการของสังคมและวัฒนธรรม การเปลี่ยนผ่านด้านการเมือง และวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ในภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย

หนังเกี่ยวกับ?

  •  เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กชายคนหนึ่ง ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ จนถึงอายุ 18 ปี

เป็นยังไงบ้าง?

  • นี่ไม่ใช่สารคดีเรียลริตี้นะฮะ (กลัวเข้าใจผิดเพราะเคยเข้าใจผิดมาก่อน)
  • แต่นี่เป็นหนัง… (หนังที่มีคนแสดงและมีเรื่องราวเป็นไปตามบทภาพยนตร์) ที่ใช้เวลาถ่ายทำ 12 ปี ตั้งแต่เด็กละอ่อนต่อนแต่นจนเข้ามามหาลัย
  • นักวิจารณ์ต่างประเทศเค้าถึงกะบอกเลยว่านี่เป็น “ประวัติศาสตร์ทางภาพยนตร์” เลยนะฮะ
  • ผู้กำกับเคยมีผลงานจากเรื่อง Before Sunset ทั้ง 3 ภาคฮะ

ชอบอะไร

  • เหมาะกับคนที่เติบโตมาในช่วงที่มีเพลง Coldplay – Yellow , เจ้ BRITNEY SPEARS – Opps I Did it Again สนุกไปกับการได้เลี้ยงทามาก็อท ตื่นเต้นไปกับการรอคอยดูหนังแฮรี่พอตเตอร์ภาคต่อไป จนมาถึงยุค HighSchool Musical ยุคของ Telephone Lady gaga
  • มัน COMING OF AGE มาก นึกถึงตอนแอบคุยกะเพื่อนในเวลาเรียนแล้วส่งจดหมายต่อกันข้ามโต๊ะเป็นทอดๆ นึกถึงการเข้าค่ายลูกเสีอตื่นเช้ามาฉี่ใส่กองไฟ (อันนี้ผู้ชายน่าจะอินเพราะผู้หญิงฉี่แบบนี้ไม่ได้) การแอบดูหนังสือโป้ การนอนค้างบ้านเพื่อนแล้วแอบไปเล่นอะไรแผลงๆ คุยกะเพื่อนผู้ชายแล้วโกหกว่ากูเจ๋งมากเรื่องเอากะผู้หญิง (ทั้งๆที่ตอนนั้นยังเวอร์จิ้นอยู่)
  • อีธาน ฮอว์ค นี่ยิ่งแก่ยิ่งหล่อจริงๆ ใครแพ้ผู้ชายมีอายุน่าจะกรี๊ดฮี ยิ่งบทของฮีเนี่ยถือเป็นพ่อที่คูลและเจ๋งมาก
  • ความดัดจริตของพี่สาว อิพี่ประเภทที่ชอบแกล้งเรา แต่พออยู่ต่อหน้าพ่อแม่นางก็แอ๊ฟทำเป็นพี่สาวที่แสนดีถูกน้องกลั่นแกล้งล่ะ มันใช่เลย 555
  • หนังโคตรดีงามอ่ะ คือเหมือนกำลังนั่งสะท้อนความคิดของตัวเอง จากเด็กที่ร้องไห้กลัวผีเชื่อว่ามีนางฟ้าเทพธิดาคอยปกป้อง สู่การเติบโตขึ้นมาและเรียนรู้ว่าโลกความจริงมันไม่มีอะไรแบบนั้น โลกไม่ได้สวยอย่างที่เราคิด สิ่งที่น่ากลัวกว่าผี…คือความเป็นจริงที่เราต้องเจอ สุดท้ายเราจะเข้าใจว่า….ต่อให้เจอเรื่องราวที่โหดร้าย เราก็จะผ่านมันไป ชีวิตคือการเดินทางและเราก็ต้องเรียนรู้กันต่อไป #เหยดด #ชอบประโยคตะกี้ซื้อๆ 5555

ไม่ชอบอะไร ???

  • หนังยาว 2 ชั่วโมง 45นาที ช่วงท้ายๆ อาจมีแผ่วไปบ้าง ควรไปฉี่มาก่อนเพราะหนังยาวมาก รวมโฆษณาก็สามชั่วโมง
  • พระเอกตอนเด็กน่ารัก แต่โตมาแล้วไม่หล่อ #แหง๋หล่ะใครเค้าจะรู้ว่าอีนี่โตแล้วจะหล่อหรือไม่หล่อล่ะคะ 5555
  • นี่ก็แอบลุ้นเหมือนกัน สมมุติหนังเข้าสู่ปีที่ 10 เกิดมีนักแสดงเป็นอะไรขึ้นมาจนแดงไม่ได้จะทำยังไงต่อ 5555

สรุป

  • เป็น 3 ชั่วโมงที่ดีมากๆ มันทำให้เราผูกพันไปกับการเติบโตของเด็กชายเมสัน ไม่น่าเชื่อว่าการดูพัฒนาการของคนๆหนึ่งมันจะสนุกขนาดนี้
  • เหมือนได้ทบทวนชีวิตตัวเองผ่านเรื่องราวของหนัง ไปดูเถอะ ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีหนังแบบนี้เกิดขึ้นมาอีกไหม หนังดีสมคำร่ำลือจริงๆ
  • หนังมันอาจจะไม่ได้ดีเพอร์เฟค แต่มันทำให้เราเต็มอิ่มจริงๆ คะแนนความชอบ 9 /10 (ปีนี้เพิ่งมีเรื่องนี้แหล่ะที่ให้คะแนนความชอบสูงถึง 9 )
  • หนังฉาย 4 กันยายนนี้นะฮะ แต่มีรอบพิเศษหลัง 20.00 ตั้งแต่วันที่ 28 นี้ boyhood

บทความที่เกี่ยวข้อง